สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
Search
color contrast
Normal
Black & White
Black & Yellow
font size

NIA ร่วมงาน Expo 2025 Osaka ศึกษาแนวทางการออกแบบและจัดแสดงเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรมจากนานาประเทศ

News 5 ตุลาคม 2568 22

NIA ร่วมงาน Expo 2025 Osaka ศึกษาแนวทางการออกแบบและจัดแสดงเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรมจากนานาประเทศ

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA นำโดย ศ. (วิจัย) ดร. ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ประธานกรรมการนวัตกรรมแห่งชาติ และ ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการ พร้อมเจ้าหน้าที่เข้าร่วมงาน Expo 2025 Osaka เพื่อศึกษาแนวทางการออกแบบและจัดแสดงเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรมจากนานาประเทศ ตลอดจนเรียนรู้แนวคิดในการสร้าง Pavilion ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของประเทศผ่านมุมมองนวัตกรรมและความยั่งยืน ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาแนวทางการส่งเสริมระบบนิเวศนวัตกรรมของประเทศไทย เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2568 ณ เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ คณะได้เข้าร่วมเยี่ยมชม จำนวน 9 Pavilions ได้แก่

 

1. Pasona Natureverse Pavilion

 

 

นำเสนอแนวคิด “Harmony of Work, Life, and Nature” โดยบริษัท Pasona Group ซึ่งมุ่งสร้างสมดุลระหว่างการทำงาน การใช้ชีวิต และธรรมชาติ ผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางชีวภาพ เพื่อให้มนุษย์สามารถดำรงชีวิตในเมืองใหญ่ได้โดยไม่สูญเสียความเชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อม Pavilion แห่งนี้ถือเป็นตัวอย่างของ “เมืองต้นแบบแห่งอนาคต” ที่หลอมรวมเทคโนโลยี นิเวศ และสุขภาพเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน

ภายใน Pavilion จัดแสดงเทคโนโลยีที่หลากหลาย โดยเฉพาะ

·      ระบบปลูกพืชในอาคาร (Indoor Farming): จำลองการเพาะปลูกพืชในสภาพแวดล้อมควบคุม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอาหารในพื้นที่จำกัด เหมาะกับสังคมเมืองในอนาคต พร้อมระบบควบคุมสภาพอากาศ แสง และความชื้นแบบอัตโนมัติ

·      เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ (Smart Agriculture): ใช้เซนเซอร์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลด้านดิน น้ำ และพลังงานในแบบเรียลไทม์ ช่วยลดการใช้ทรัพยากรและเพิ่มความยั่งยืนในการผลิต

·      ระบบพลังงานสะอาด (Clean Energy System): ใช้พลังงานแสงอาทิตย์และการจัดการพลังงานแบบหมุนเวียน (Circular Energy Management) เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

อีกหนึ่งจุดเด่นของ Pavilion คือ เทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูง (Advanced Medical Technology) ซึ่งนำเสนอความก้าวหน้าด้านชีววิทยาการแพทย์ (Biomedical Innovation) โดยเฉพาะการ ปลูกถ่ายหัวใจจากเซลล์ต้นกำเนิด (iPS cell-based heart) ที่พัฒนาโดยทีมวิจัยญี่ปุ่น ซึ่งมีศักยภาพในการสร้างอวัยวะที่เข้ากันได้กับร่างกายผู้ป่วย ลดปัญหาการปฏิเสธอวัยวะปลูกถ่าย และเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยโรคหัวใจเรื้อรัง นอกจากนี้ ยังมีการสาธิต เทคโนโลยีการสร้างเนื้อเยื่อเทียม (Tissue Engineering) เพื่อใช้ในการฟื้นฟูอวัยวะและรักษาผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากโรคหรืออุบัติเหตุ

2. Thailand Pavilion

           

 

ประเทศไทยจัดแสดงภายใต้แนวคิด “Think Nature, Think Future” ถ่ายทอดภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะประเทศที่มีศักยภาพในการพัฒนา เศรษฐกิจชีวภาพ–หมุนเวียน–สีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG Economy) ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศสู่ความยั่งยืน ภายใน Pavilion ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านสื่อผสม (Multimedia Experience) ที่นำเสนอการบูรณาการระหว่าง ภูมิปัญญาท้องถิ่นกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมร่วมกัน โดยแบ่งพื้นที่จัดแสดงออกเป็นโซนต่าง ๆ ได้แก่

  • โซนนวัตกรรมชีวภาพ (Bio Innovation Zone): แสดงผลงานด้านวัสดุชีวภาพ (Biomaterials) ผลิตภัณฑ์จากทรัพยากรธรรมชาติ และเทคโนโลยีแปรรูปชีวมวล เพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ทั้งนี้มีผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ได้การสนับสนุนจากสำนักงานร่วมจัดแสดงหลากหลายประเภท อาทิ หุ่นยนต์ดินสอ, 3D printed bone plate จากบริษัท Meticuly, ผงโปรตีน Albupro จากบริษัท Nature Concept, Coconut Gummies จากบริษัท Chiwadi, เส้นราเมนไข่ขาว Eggyday เป็นต้น

                         

  • โซนพลังงานสะอาดและสิ่งแวดล้อม (Clean Energy & Sustainability Zone): นำเสนอเทคโนโลยีการผลิตพลังงานจากแหล่งหมุนเวียน เช่น พลังงานชีวมวลและพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงโครงการจัดการขยะและคาร์บอนต่ำ
  • โซนนวัตกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ (Creative Tourism Innovation Zone): ถ่ายทอดแนวคิดการท่องเที่ยวที่ผสมผสานวัฒนธรรม ศิลปะ และนวัตกรรมท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

3. Saudi Arabia Pavilion

                 

 

Pavilion ของซาอุดิอาระเบียโดดเด่นด้วย สถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของชาติ ผสมผสานระหว่างความเป็นอาหรับดั้งเดิมกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในยุคใหม่ ภายใต้แนวคิดหลัก “Vision 2030” ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติในการเปลี่ยนผ่านประเทศจากเศรษฐกิจพึ่งพาน้ำมัน ไปสู่ เศรษฐกิจแห่งนวัตกรรม ความรู้ และความยั่งยืน โดยภายใน Pavilion ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง เช่น สื่อผสมแบบมีส่วนร่วม (Immersive Media), จอภาพโค้งขนาดใหญ่, และระบบแสดงผลแบบอินเทอร์แอคทีฟ (Interactive Projection) เพื่อให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสประสบการณ์ของ “ซาอุดิอาระเบียยุคใหม่” ที่กำลังขับเคลื่อนด้วยพลังของนวัตกรรม

เนื้อหาการจัดแสดงแบ่งออกเป็นหลายส่วนสำคัญ ได้แก่

  • โซนเมืองอัจฉริยะ (Smart City Zone): แสดงแนวคิดการพัฒนาเมือง “NEOM” เมืองแห่งอนาคตที่ใช้พลังงานสะอาด 100% และขับเคลื่อนด้วยระบบดิจิทัลทั้งหมด เป็นตัวอย่างของการออกแบบเมืองยั่งยืนที่เชื่อมโยงมนุษย์ ธรรมชาติ และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน
  • โซนพลังงานสะอาด (Clean Energy Zone): นำเสนอเทคโนโลยีการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์และไฮโดรเจนสีเขียว รวมถึงโครงการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ในประเทศ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอน
  • โซนนวัตกรรมและวัฒนธรรม (Innovation & Heritage Zone): ถ่ายทอดการเชื่อมโยงระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมกับการพัฒนานวัตกรรม เช่น การใช้เทคโนโลยี AR/VR เพื่อเล่าเรื่องราวมรดกทางวัฒนธรรม และการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานศิลปะอาหรับกับเทคโนโลยีล้ำสมัย

4. Belgium Pavilion

                

นำเสนอแนวคิดหลัก “The Laboratory of the Future” ซึ่งสะท้อนบทบาทของเบลเยียมในฐานะประเทศผู้นำด้านการวิจัย วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน Pavilion แห่งนี้ออกแบบให้เป็นเสมือน “ห้องทดลองแห่งอนาคต” ที่เชื่อมโยงเทคโนโลยีสะอาด วัสดุใหม่ และอาหารแห่งอนาคต เข้ากับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อสร้างสังคมที่สมดุลระหว่างมนุษย์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม

ภายใน Pavilion มีการจัดแสดงเนื้อหาและนวัตกรรมที่โดดเด่นหลายด้าน ได้แก่

  • เทคโนโลยีสะอาดและพลังงานหมุนเวียน (Clean Technology & Renewable Energy): นำเสนอระบบผลิตพลังงานจากแหล่งหมุนเวียน เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System) รวมถึงเทคโนโลยีจัดการของเสียและรีไซเคิลวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • อาหารแห่งอนาคต (Future Food Innovation): แสดงผลงานด้านเทคโนโลยีอาหารและการเพาะเลี้ยงโปรตีนทางเลือก (Alternative Protein) เช่น การเพาะเลี้ยงเนื้อสัตว์ในห้องปฏิบัติการ (Lab-grown Meat) โปรตีนจากแมลง และการแปรรูปพืชเป็นแหล่งอาหารยั่งยืน เพื่อรองรับประชากรโลกที่เพิ่มขึ้น
  • วัสดุใหม่และนวัตกรรมการผลิต (Advanced Materials & Smart Manufacturing): จัดแสดงนวัตกรรมวัสดุที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรงสูง (Lightweight Composites) วัสดุรีไซเคิลอัจฉริยะ และเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติ (3D Printing) สำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้างและการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

5. Netherlands Pavilion

            

 

จัดแสดงภายใต้แนวคิด “Connecting Water, Energy, and Food” ซึ่งสะท้อนถึงความเชี่ยวชาญของประเทศเนเธอร์แลนด์ในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างบูรณาการ Pavilion แห่งนี้เน้นให้ผู้เยี่ยมชมตระหนักถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างน้ำ พลังงาน และอาหาร ซึ่งเป็นทรัพยากรพื้นฐานของชีวิตและเป็นหัวใจของการพัฒนาอย่างยั่งยืนในศตวรรษที่ 21

ภายใน Pavilion แสดงถึงความสามารถของเนเธอร์แลนด์ในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสร้าง “วงจรเศรษฐกิจสีเขียว (Green Circular Economy)” โดยเน้นการนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ การลดของเสีย และการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในทุกขั้นตอนของการผลิตและบริโภค

เนื้อหาการจัดแสดงแบ่งออกเป็นประเด็นสำคัญดังนี้

  • การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน (Sustainable Water Management): นำเสนอเทคโนโลยีการจัดการน้ำแบบบูรณาการ เช่น ระบบกักเก็บน้ำฝน การบำบัดน้ำเสียเพื่อใช้ซ้ำ และระบบควบคุมน้ำท่วมอัจฉริยะ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่เนเธอร์แลนด์มีชื่อเสียงระดับโลก โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำและเมืองชายฝั่ง
  • พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy): แสดงเทคโนโลยีการใช้พลังงานสะอาดจากลมและแสงอาทิตย์ รวมถึงระบบการจัดเก็บและกระจายพลังงาน (Energy Storage & Smart Grid) ที่ช่วยให้เกิดความสมดุลระหว่างการผลิตและการบริโภคพลังงาน
  • เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ (Smart Agriculture): ถ่ายทอดนวัตกรรมด้านการเพาะปลูกในสภาพแวดล้อมควบคุม (Greenhouse Technology) และการใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ (Data-driven Farming) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดการใช้น้ำ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะการใช้ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ทางการเกษตร
  • การสร้างระบบนิเวศทรัพยากรหมุนเวียน (Circular Resource Ecosystem): Pavilion แสดงให้เห็นถึงการเชื่อมโยงของทุกองค์ประกอบ—น้ำ พลังงาน และอาหาร—เข้าสู่ระบบหมุนเวียนเดียวกัน เช่น การใช้พลังงานที่เหลือจากการเกษตรผลิตไฟฟ้า และการนำน้ำที่ผ่านการบำบัดกลับมาใช้เพาะปลูก

6.switzerland Pavilion

 

 

ภายใต้ธีม “Innovative by Nature” Pavilion ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์นำเสนอแนวคิดการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลระหว่าง เทคโนโลยี นวัตกรรม และสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ โดยสะท้อนถึงเอกลักษณ์ของประเทศที่มีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสูง ควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากรและคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน

Pavilion ได้รับการออกแบบให้มีความเรียบง่ายแต่ลุ่มลึก ใช้วัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ (Recyclable Materials) และพลังงานจากแหล่งสะอาดทั้งหมด เพื่อเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมคาร์บอนต่ำ (Low-carbon Architecture) ภายใน Pavilion แบ่งพื้นที่จัดแสดงออกเป็น 3 โซนหลัก ซึ่งเชื่อมโยงกันด้วยแนวคิด “นวัตกรรมที่เติบโตจากธรรมชาติ”            

1. Clean Energy & Climate Solutions:

นำเสนอเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาด เช่น พลังงานจากแสงอาทิตย์ ลม และพลังงานความร้อนใต้พิภพ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักของสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงระบบบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy Management) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารและชุมชน นอกจากนี้ยังมีการสาธิตเทคโนโลยี “Hydrogen for Mobility” ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนขับเคลื่อนยานพาหนะอย่างยั่งยืน

2. Waste to Value & Circular Innovation:

โซนนี้แสดงถึงแนวคิด เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยสวิตเซอร์แลนด์นำเสนอระบบการจัดการของเสียแบบครบวงจร ตั้งแต่การคัดแยก การรีไซเคิล ไปจนถึงการนำวัสดุเหลือใช้กลับมาเป็นพลังงานหรือวัตถุดิบใหม่ในอุตสาหกรรม เช่น การเปลี่ยนของเสียทางอาหารให้เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) และการใช้เทคโนโลยีชีวภาพเพื่อย่อยสลายพลาสติก (Biodegradable Plastics)

3. Creative Industries & Human-centered Innovation:

Pavilion ยังนำเสนอแนวทางของ “นวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิต” โดยเชื่อมโยงงานออกแบบ ศิลปะ และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ผ่านผลงานจากสตาร์ทอัพและสถาบันวิจัยของสวิตเซอร์แลนด์ เช่น โครงการด้านวัสดุอัจฉริยะ (Smart Materials) การพัฒนาแฟชั่นยั่งยืน (Sustainable Fashion) และเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสุขภาพ (HealthTech) ที่ใช้ AI และ Sensor Technology ในการติดตามสุขภาพแบบเรียลไทม์

7. France Pavilion

ภายใต้แนวคิด “Inspiration for the Future” Pavilion ของประเทศฝรั่งเศสถ่ายทอดวิสัยทัศน์แห่งอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วย พลังงานสะอาด ความคิดสร้างสรรค์ และศิลปะการออกแบบ โดยมุ่งเน้นการบูรณาการระหว่างเทคโนโลยีและวัฒนธรรม เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เข้าชมมองเห็นภาพของ “สังคมสีเขียว” ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและความยั่งยืน

ภายใน Pavilion แบ่งการจัดแสดงออกเป็นหลายส่วนที่เชื่อมโยงกันด้วยแนวคิด “Innovation through Creation” ได้แก่

1. Green Energy & Sustainable Mobility:

นำเสนอเทคโนโลยีด้านพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และระบบจัดเก็บพลังงาน (Energy Storage System) รวมถึงการขับเคลื่อนด้วยยานยนต์พลังงานสะอาด (Electric & Hydrogen Mobility) เพื่อสร้างเมืองปลอดมลพิษ ฝรั่งเศสยังนำเสนอแนวคิด “Smart Grid City” ที่ใช้ระบบดิจิทัลควบคุมการจ่ายพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในเมืองอัจฉริยะ

2. Art, Design, and Sustainable Architecture:

Pavilion ใช้งานศิลปะและการออกแบบเป็นเครื่องมือในการสื่อสารแนวคิดสิ่งแวดล้อม โดยนำเทคโนโลยี AR/VR (Augmented and Virtual Reality) มาใช้จำลองประสบการณ์ “เมืองแห่งอนาคต” ที่มนุษย์และธรรมชาติอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุล นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดง วิวัฒนาการด้านการออกแบบจากแบรนด์แฟชั่นและเครื่องประดับชั้นนำของฝรั่งเศส อาทิ Louis Vuitton, Christian Dior, Chaumet เป็นต้น เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของฝรั่งเศสที่ผสานความงดงามทางศิลปะเข้ากับเทคโนโลยีและแนวคิดความยั่งยืน

3. Creative Innovation & Future Living:

นำเสนอผลงานจากสตาร์ทอัพและสถาบันวิจัยของฝรั่งเศสในด้านเทคโนโลยีใหม่ เช่น วัสดุอัจฉริยะ (Smart Materials), ระบบรีไซเคิลพลังงานจากความร้อน (Energy Recovery Systems) และเทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะ (Smart Home Technology) ที่ออกแบบให้ตอบสนองต่อสภาพอากาศและการใช้พลังงานของผู้อยู่อาศัยอย่างมีประสิทธิภาพ

8. Japan Pavilion

                

ภายใต้แนวคิด “Designing Future Society for Our Lives” Pavilion ของเจ้าภาพ ญี่ปุ่น ถ่ายทอดวิสัยทัศน์ของประเทศในการสร้าง สังคมอนาคตที่สมดุลระหว่างเทคโนโลยีดิจิทัลและคุณค่ามนุษย์ โดยมุ่งเน้นการออกแบบนวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและตอบสนองต่อความท้าทายทางสังคม เช่น การสูงวัยของประชากรและการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ

Pavilion แบ่งพื้นที่จัดแสดงออกเป็นหลายโซนสำคัญ ดังนี้

1. Robotics & Artificial Intelligence:

นำเสนอความก้าวหน้าของ หุ่นยนต์อัจฉริยะ (Robotics) และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น หุ่นยนต์ช่วยดูแลผู้สูงอายุในบ้านหรือโรงพยาบาล, ระบบหุ่นยนต์ในโรงงานอุตสาหกรรมที่ลดความเสี่ยงต่อแรงงาน, และหุ่นยนต์เพื่อการศึกษาและสังคม

2. Health & Aging Society Solutions:

โซนนี้เน้นนวัตกรรมด้าน สุขภาพผู้สูงอายุ (Elderly Care Innovation) และการแพทย์ดิจิทัล (Digital Health) เช่น ระบบติดตามสุขภาพแบบเรียลไทม์, การใช้ AI วิเคราะห์ความเสี่ยงโรคเรื้อรัง, และการพัฒนาอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้สูงอายุให้สามารถดำรงชีวิตอิสระได้ในบ้าน

3. Smart City & Sustainable Living:

Pavilion แสดงเทคโนโลยี เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ที่ผสานระบบ IoT, การจัดการพลังงานอัจฉริยะ (Smart Grid), และระบบขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) เพื่อสร้างเมืองที่ปลอดภัย ลดการปล่อยคาร์บอน และเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชน นอกจากนี้ ยังมีการจำลองวิถีชีวิตในเมืองอนาคตที่ผู้คนสามารถเชื่อมต่อกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้อย่างกลมกลืน

4. Co-Creation & Innovation Spaces:

Pavilion ให้ความสำคัญกับ พื้นที่ร่วมคิดสร้างสรรค์ (Co-Creation Spaces) ที่นักวิจัย ผู้ประกอบการ และประชาชนสามารถทดลองแนวคิดใหม่ ๆ เช่น การพัฒนานวัตกรรมเพื่อสังคม การออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อผู้สูงอายุ และการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมร่วมกัน

5. Character-led Engagement & Cultural Appeal:

เพื่อตอบสนองต่อผู้เข้าชมทุกวัย Pavilion ใช้ตัวละครการ์ตูนชื่อดังของญี่ปุ่น เช่น Hello Kitty และ Doraemon เป็นสื่อกลางในการนำเสนอแนวคิดและเทคโนโลยีต่าง ๆ ผ่านประสบการณ์เชิงโต้ตอบ (Interactive Experience) ทำให้การเรียนรู้เรื่องเมืองอัจฉริยะ นวัตกรรมหุ่นยนต์ และเทคโนโลยีสุขภาพ เป็นเรื่องเข้าใจง่ายและสนุกสนาน

9. Austria Pavilion

 

ภายใต้แนวคิด “Innovation Meets Nature” Pavilion ของประเทศออสเตรียสะท้อนวิสัยทัศน์ในการพัฒนา เทคโนโลยีสะอาด พลังงานหมุนเวียน และการออกแบบเมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นการบูรณาการระหว่างนวัตกรรม เทคโนโลยี และธรรมชาติ เพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืนและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

ภายใน Pavilion จัดแสดงเนื้อหาและนวัตกรรมสำคัญ ดังนี้

1.Clean Technology & Renewable Energy:

นำเสนอเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม และพลังงานชีวภาพ (Bioenergy) รวมถึงระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy Management) เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการผลิตและการบริโภคพลังงาน

2.Sustainable Urban Design & Green Architecture:

โชว์แนวทางการออกแบบเมืองและอาคารที่ลดการใช้พลังงาน เช่น การวางผังเมืองเพื่อใช้พลังงานแสงและลมธรรมชาติ การติดตั้งระบบเก็บความร้อนและความเย็นจากอาคารเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ และการสร้างพื้นที่สีเขียวในเมืองเพื่อเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ

3.Innovation in Materials & Circular Economy:

Pavilion แสดงนวัตกรรมวัสดุใหม่ เช่น วัสดุก่อสร้างจากชีวมวล (Bio-based Construction Materials) และ วัสดุรีไซเคิลอัจฉริยะ (Smart Recycled Materials) ที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำในอุตสาหกรรมต่าง ๆ แสดงถึงแนวทางการพัฒนา เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อย่างครบวงจร

4.Interactive Learning & Experiential Zones:

Pavilion ออกแบบพื้นที่ให้ผู้เข้าชมสามารถทดลองและเรียนรู้ผ่าน ประสบการณ์เชิงปฏิสัมพันธ์ (Interactive Experience) เช่น การจำลองระบบพลังงานหมุนเวียนในเมือง, การออกแบบอาคารประหยัดพลังงาน และการสำรวจแนวทางการใช้วัสดุอย่างยั่งยืน

5.Storytelling through Classical Music:

นอกจากการจัดแสดงนวัตกรรมแล้ว Pavilion ยังใช้ ดนตรีคลาสสิค เป็นสื่อในการเล่าเรื่องราว เพื่อสร้างบรรยากาศที่สอดคล้องกับความงดงามของธรรมชาติและความล้ำสมัยของเทคโนโลยี ดนตรีคลาสสิคช่วยเสริมประสบการณ์ให้ผู้เข้าชมรับรู้ถึงความกลมกลืนระหว่างมนุษย์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม

จากการเยี่ยมชม Pavilion ทั้ง 9 แห่ง คณะสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติได้รับแรงบันดาลใจและมุมมองใหม่ในการพัฒนานโยบายนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน โดยเฉพาะแนวทางการผสมผสาน เทคโนโลยี–ธรรมชาติ–ชีวิตผู้คน ซึ่งเป็นแนวคิดหลักของ Expo 2025 Osaka และสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจ BCG ของประเทศไทย

#NIA #Innovation #Expo2025Osaka #ThailandPavilion2025