สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
Search
color contrast
Normal
Black & White
Black & Yellow
font size

NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เดินหน้าแสดงศักยภาพ 9 สตาร์ตอัปสายฟู้ดเทคภายใต้โครงการ “SPACE-F” รุ่น 6 ใน SPACE-F Accelerator Demo Day

News 6 สิงหาคม 2568 53

NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เดินหน้าแสดงศักยภาพ 9 สตาร์ตอัปสายฟู้ดเทคภายใต้โครงการ “SPACE-F” รุ่น 6 ใน SPACE-F Accelerator Demo Day

NIA ร่วมกับ Thai Union Group, Mahidol University, ThaiBev และ Nestle Thai จัดงาน "SPACE-F Accelerator Demo Day" เพื่อโชว์ศักยภาพของสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีอาหาร (FoodTech Startup) ในโครงการ SPACE-F รุ่นที่ 6 ร่วม 9 ราย จากโครงการเร่งการเติบโตทางธุรกิจ (Accelerator Program) 8 ราย และโครงการบ่มเพาะ (Incubator Program) 1 ราย พร้อมปักหมุดประเทศไทยไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีอาหาร (FoodTech Hub) เชื่อมโยงธุรกิจสู่ตลาดสากล เมื่อวันอังคารที่ 5 สิงหาคม 2567 ณ Earth Stage งาน Techsauce Global Summit 2025 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) กรุงเทพมหานคร
 
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) กล่าวเปิดเวทีในครั้งนี้ว่า “ตลอดระยะเวลา 5 ปี NIA ผลักดันหนึ่งในอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศคือ “นวัตกรรมอาหาร” ผ่าน SPACE-F โครงการบ่มเพาะและเร่งการเติบโตทางธุรกิจเทคโนโลยีอาหารระดับสากล ที่ช่วยผลักดันกลุ่มฟู้ดเทคสตาร์ตอัปทั้งในและต่างประเทศ ให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาด และเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมไทยมีความได้เปรียบในด้านการแข่งขันกับทุกบริบทที่เปลี่ยนแปลง ที่จะสะท้อนให้เห็นว่าระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีอาหารของประเทศไทยมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง”
 
“NIA ภายใต้บทบาทผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรมมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ชาตินวัตกรรม ด้วยแนวคิด Groom – Grant – Growth – Global ทั้งมิติการสนับสนุนเงินทุน การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการนวัตกรรม การเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานนวัตกรรม และการปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลง พร้อมกันนี้ยังมุ่งผลักดันนวัตกรรมเพื่อสร้างการเติบโตและเพิ่มมูลค่าในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และมีเป้าหมายที่สำคัญ ที่สอดรับกับเป้าหมายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นให้ประเทศไทยอยู่ 1 ใน 30 อันดับประเทศชั้นนำนวัตกรรมโลก ภายในปี 2573 และ SPACE-F จะเป็นหนึ่งในโครงการที่สร้างความสำเร็จให้กับสตาร์ตอัปให้เติบโต และเกิดระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีอาหารเชื่อมโยงเครือข่ายอย่างยั่งยืน”
 
นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก คุณสิริจิตร์ จิระเรืองเกียรติ Ad Interim Non-Project Director บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) รองศาสตราจารย์ ดร.วิริยะ เตชะรุ่งโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (iNT) มหาวิทยาลัยมหิดล คุณเจนิก้า ครูซ Head of Corporate Innovation and Sustainability บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เข้าร่วมเสวนา ในกิจกรรม FoodTech Summit hosted by SPACE-F
 
พร้อมกันนี้ ยังได้รับเกียรติจากคุณ Victor Seah, Chairman and CEO, Nestlé Indochina ขึ้นกล่าวปิดงาน และได้รับเกียรติจาก คุณอุกฤช กิจศิริเจริญชัย ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนการเงินนวัตกรรมที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ NIA และผู้บริหารจากเครือข่ายหน่วยงานพันธมิตร บริษัทเอกชนขนาดใหญ่ นักลงทุน สตาร์ตอัป และผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานมากกว่า 200 คน
 
รวมทั้งได้รับเกียรติจากวิสาหกิจศิษย์เก่าในโครงการ SPACE-F ได้แก่ วิสาหกิจเริ่มต้น HydroNeo, Flo Wolffia, Birth2022, POTENT และ MUI Robotics ร่วมแชร์ความสำเร็จทางธุรกิจที่ได้จากการเข้าร่วมโครงการ SPACE-F
 
SPACE-F จะมุ่งเน้นบ่มเพาะและเร่งการเติบโตสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีอาหาร สร้างโอกาสเข้าถึงเครือข่าย แหล่งเงินทุน และผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำปรึกษา เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีอาหารให้สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดดและนำนวัตกรรมมาพลิกโฉมอุตสาหกรรมอาหารให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน ทั้งระดับประเทศและระดับสากล ซึ่งจากการดำเนินงานโครงการ SPACE-F ตลอด 6 ปี สามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศถึง 5,000 ล้านบาท ช่วยส่งเสริมให้สตาร์ตอัปกว่า 100 ราย จากกว่า 18 ประเทศ ให้สามารถขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งมีมูลค่าตลาดกว่า 60,000 ล้านบาท เพื่อตอกย้ำความเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีอาหารของประเทศไทยในเวทีโลก
 
ภายในงาน SPACE-F Batch 6 Accelerator Demo Day มีสตาร์ตอัปที่ร่วมโชว์ผลงานทั้งสิ้น 9 ทีม ได้แก่
1. Poseidona (สเปน): นำสาหร่ายเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมมาผลิตโปรตีนทางเลือก ช่วยลดการสูญเสียอาหารและปลดล็อกวัตถุดิบใหม่
2. Warich Food (ไทย): เพิ่มมูลค่าผลไม้สุกจัด ด้วยกระบวนการแปรรูปให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ขนมเพื่อสุขภาพ ไม่เติมน้ำตาล
3. Alcheme Bio (สหรัฐอเมริกา): ออกแบบรสชาติและโภชนาการของโปรตีนทางเลือกให้คล้ายเนื้อสัตว์มากที่สุดโดยอาศัยกระบวนการทางเอนไซม์ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างเหมาะสมด้วยปัญญาประดิษฐ์
4. TIGAMILK (ฮ่องกง): ผลิตนมจากถั่วเสือ (Tiger Nut) ที่มีไฟเบอร์สูงและไม่ก่อให้เกิดการแพ้นมวัว
5. Jupitair (โปแลนด์): พัฒนาเครื่องกำจัดจุลินทรีย์ในอาหารด้วยแสง UVA และวัสดุเซรามิก โดยไม่ใช้สารเคมี
6. Genbioma (สเปน): ผลิตโพรไบโอติกและสารเสริมธรรมชาติ ที่มีส่วนช่วยควบคุมน้ำตาลและน้ำหนักผ่านการปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้
7. Neramit Foodtech (ไทย): คิดค้น “ข้าวไร้แป้ง” ที่ทำจากสาหร่ายและโปรตีนพืช เพื่อผู้บริโภคสาย Keto
8. Singular Intelligence (สหราชอาณาจักร): ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลซัพพลายเชนแบบเรียลไทม์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการวางแผนการผลิตอาหาร
9. MadeSweetly (สหราชอาณาจักร): ผลิตโปรตีนให้ความหวานจากจุลินทรีย์ ด้วยกระบวนการหมักแม่นยำ หวานกว่าน้ำตาลแต่ไม่มีแคลอรี (Incubator Program)