สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
Search
color contrast
Normal
Black & White
Black & Yellow
font size

ถอดบทเรียน 5 ประเทศ เส้นทางสู่การเป็นชาติผู้นำนวัตกรรม

30 กรกฎาคม 2568 115

ถอดบทเรียน 5 ประเทศ  เส้นทางสู่การเป็นชาติผู้นำนวัตกรรม


🤝 ระบบนิเวศนวัตกรรมที่เข้มแข็งจะเกิดขึ้นได้...ต้องอาศัยการดำเนินงานร่วมกันของหลายภาคส่วน

🌐 เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และนำมาสู่การปฏิบัติจริง NIA จึงอยากชวนทุกคนไปสำรวจโลกของนวัตกรรม ผ่านเส้นทางการพัฒนาของ 5 ประเทศ ที่สามารถเชื่อมโยงเครือข่ายและพัฒนาระบบนวัตกรรมจนประสบความสำเร็จมาแล้ว โดยประเทศเหล่านี้ได้มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในเวทีเสวนา “Innovation Ecosystem and National Competitiveness in the Face of Global Uncertainties” มาดูกันว่าแต่ละประเทศออกแบบนวัตกรรมอย่างไรให้กลายเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ

“ชิลี: นวัตกรรมที่เริ่มต้นจากท้องถิ่นและเติบโตสู่ระดับโลก”
ประเทศปลายแผนที่โลก บริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกแห่งนี้ มีเศรษฐกิจที่โดดเด่นด้านการผลิตเหมืองแร่ เกษตร และประมง โดยการส่งเสริมระบบนิเวศนวัตกรรมมีแนวทางเริ่มต้นตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ผ่านการจัดตั้ง Ministry of Science, Technology, Knowledge and Innovation ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดโครงสร้าง ประสานงาน และส่งเสริมกิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และเทคโนโลยีอย่างเป็นระบบระบบ 

ในปี 2010 รัฐบาลที่ต้องการขยายระบบนวัตกรรมในประเทศไปสู่ความร่วมมือระดับสากล จึงมีการจัดตั้งโครงการ Start-Up Chile เพื่อทำหน้าที่ในการส่งเสริมสตาร์ตอัป ให้ทุนสนับสนุนผู้ประกอบการต่างชาติที่ต้องการเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจ พร้อมกับมีกิจกรรมฝึกอบรมสุดเข้มข้น และเปิดโอกาสให้พบผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำ  ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการพัฒนาผู้ประกอบการท้องถิ่นในประเทศให้มีศักยภาพสำหรับการแข่งขันได้

“สาธารณรัฐเช็ก: สร้างนวัตกรรมจากรากฐานการศึกษาและความร่วมมือ” 
ประเทศผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมการผลิต ที่เชื่อว่าระบบนวัตกรรมที่ดีต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานการศึกษา ระบบการตลาด และเสถียรภาพทางการเมือง ที่สำคัญต้องมีการสร้างความร่วมมือกับองค์กรและหน่วยงานอื่นๆ อย่างที่ชิลีได้ไปจับมือกับ European Space Agency Business Incubation Centre ที่ไม่ได้เพียงสนับสนุนเทคโนโลยีอวกาศ แต่ยังสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อขยายโอกาสให้สตาร์ตอัปทุกรูปแบบในประเทศ

ล่าสุดสาธารณรัฐเช็กยังได้มีการเปิดตัว Fintech Regulatory Sandbox พื้นที่ทดลองนวัตกรรมด้านการเงินก่อนนำไปใช้งานจริง โดยมีการเชื่อมโยงความร่วมมือ เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญหรือสถาบันภาครัฐ  เพื่อพัฒนาธุรกิจ ซึ่งดำเนินการโดย CzechInvest และพันธมิตรอื่นๆ เช่น MIT, CNB, MF, AKAT, CTU

“ฟินแลนด์: เปลี่ยนวิกฤตเป็นการพัฒนาและการลงทุนให้หลากหลาย” 
หลังจากที่เคยพึ่งพาบริษัท Nokia มากเกินไปจนเกิดวิกฤต รัฐบาลจึงเปลี่ยนโครงสร้างของการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้มีความหลากหลาย ต่อมาเพื่อป้องกันไม่ให้คนเก่งไหลออกนอกประเทศ จึงมีการลงทุนให้กับบริษัทสตาร์ตอัป ซึ่งถูกเรียกว่ากระบวนการ “Brain Circulation” ทั้งยังมีข้อตกลงร่วมระหว่างรัฐบาลและภาคเอกชน ที่จะลงทุนด้านนวัตกรรมถึง 4% ของ GDP 

นอกจากนี้ ทุกคนต่างรู้ดีว่าฟินแลนด์คือประเทศที่โดดเด่นเรื่องการศึกษา แต่อาจจะยังไม่รู้ว่าที่นีมีการบรรจุหลักสูตรการเป็นผู้ประกอบการไว้ตั้งแต่ระดับประถม ที่สำคัญยังมีการรวมมหาวิทยาลัยชั้นนำ 3 แห่งที่มีจุดเด่นด้านวิศวกรรม เศรษฐศาสตร์ และศิลปะเข้าด้วยกัน ก่อตั้งเป็น Aalto University แหล่งริเริ่มระบบนวัตกรรมที่มีสิทธิบัตรมากที่สุดในประเทศ ทั้งหมดนี้จึงทำให้ประเทศที่มีประชากรเพียง 5.6 ล้านคน สามารถสร้างผลผลิตเป็นธุรกิจที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ใน 15 ปีที่ผ่านมา 

“สวีเดน: สร้างแรงจูงใจด้วยทรัพย์สินทางปัญญา” 
ประเทศที่มีฉายาว่าเป็น “โรงงานยูนิคอร์นโลก” มีจุดเด่นในการพัฒนาระบบนวัตกรรมด้วยการวิจัยและพัฒนา ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง 3 หน่วยงานได้แก่ มหาวิทยาลัย อุตสาหกรรม และภาครัฐ อีกเบื้องหลังสำคัญคือระบบทรัพย์สินทางปัญญาที่ช่วยสร้างแรงจูงใจให้เกิดการลงทุนในระยะยาว 

นอกจากนี้ สวีเดนยังมีนโยบายเปิดเสรีทางการค้า ส่งเสริมการแข่งขันและการแลกเปลี่ยนความรู้กับนานาชาติ ขณะเดียวกันก็เดินหน้าสู่การพัฒนา Deep Tech ที่เตรียมคว้าโอกาสทางเศรษฐกิจจาก “การเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน (Green Transition)” โดยสวีเดนถือเป็นหนึ่งประเทศที่มีการลงทุนในด้านนี้มากที่สุด เช่น เหล็กไร้มลพิษ เรือไฟฟ้า และการดักจับคาร์บอน

“ฮังการี: วางยุทธศาสตร์การพัฒนา ก้าวสู่ผู้นำนวัตกรรมโลก” 
ประเทศต้นกำเนิดวิตามินซี ปากกาลูกลื่น และไม้ขีดไฟ หนึ่งในแนวหน้าด้านระบบนิเวศนวัตกรรมที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนด้าน R&D ซึ่งถือเป็นนโยบายระดับชาติ และมีการนำเสนอ “John von Neumann Programmer” แผนยุทธศาสตร์นวัตกรรมแห่งชาติที่มุ่งพัฒนา 9 ด้าน เช่น การนำงานวิจัยสู่เวทีนานาชาติ การสร้างเส้นทางอาชีพที่มั่นคงให้กับนักวิจัย การให้สิทธิบัตรแบบเร่งด่วน การส่งเสริมการลงทุนด้าน ฯลฯ เพื่อผลักดันฮังการีให้ก้าวสู่ 1 ใน 10 ประเทศผู้นำนวัตกรรมของโลกภายในปี 2040

ในการส่งเสริมการต่อยอดงานวิจัย ฮังการีได้มีการจัดตั้ง “Hungarian Innovation Agency” ที่ต้องการเชื่อมโยงให้ไอเดียสร้างสรรค์ถูกนำไปสู่การใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม และเป้าหมายในอนาคต ฮังการียังต้องการที่จะเพิ่มจำนวน SMEs ที่ใช้นวัตกรรมให้ถึงค่าเฉลี่ยของยุโรปที่ 53% 

🌏 จากบทเรียนของทั้ง 5 ประเทศ จะเห็นได้ว่า “ระบบนิเวศนวัตกรรม” เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยการลงทุนระยะยาว ความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ และการออกแบบเชิงกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับบริบทของแต่ละประเทศ ประเทศไทยเองก็สามารถสร้างเส้นทางความสำเร็จไปสู่การเป็นชาตินวัตกรรมได้เช่นกัน NIA จึงมุ่งมั่นผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงความร่วมมือ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างระบบนวัตกรรมที่เข้มแข็งเพื่อก้าวสู่การเป็น “ชาตินวัตกรรม” ได้สำเร็จ