
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

การให้บริการของ NIA

ความเคลื่อนไหวของ NIA

ช่องทางในการติดต่อกับ NIA
อีฟเฮิร์บ: ลูกประคบสมุนไพรของวิสาหกิจชุมชนที่สามารถส่งออกไปทั่วเอเชีย

นางทิพรัตน์ ศิลาน้อย (อาจารย์อีฟ)
ผลงานนวัตกรรม “ระบบลดความชื้นแบบไฮบริดสำหรับผลิตสมุนไพรแห้ง” ของวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรอีฟเฮิร์บเพื่อสุขภาพ
การมีนวัตกรรมเข้ามาช่วยในกระบวนการผลิต สามารถช่วยยกระดับวิสาหกิจให้สามารถส่งออกสมุนไพรไทยคุณภาพดีได้
กระแสการดูแลสุขภาพยังมาแรงโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเติบโตของธุรกิจสปา จากภาพรวมมูลค่าธุรกิจสปา มีการประเมินมูลค่าของธุรกิจสปาไว้มากกว่า 6.5 หมื่นล้านบาท และคาดกว่าจะทะลุ 7 หมื่นล้านบาทภายในระยะเวลาอันใกล้นี้ แต่ตลาดนี้ยังมีพื้นที่อีกมาก ซึ่งหนึ่งในผู้ที่สามารถสร้างธุรกิจจนดังไกลไปต่างประเทศ และผลิตภัณฑ์สามารถสร้างมูลค่าส่งออกไปทั่วเอเชีย คือ วิสาหกิจชุมชนสมุนไพรอีฟเฮิร์บเพื่อสุขภาพ ตำบลห้วยทราย อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยสมุนไพรของที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพ และมีเรื่องเล่าขานว่าบริเวณนี้เป็นที่พักรบของพระนเรศวรมหาราช มีความอุดมสมบูรณ์เรื่องสมุนไพรเพื่อรักษาการบาดเจ็บของทหาร โดยเฉพาะใบพลับพลึงที่มีขนาดใหญ่สมบูรณ์ ใบเปล้า และฟ้าทะลายโจรที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ
นางทิพรัตน์ ศิลาน้อย (อาจารย์อีฟ) ประธานวิสาหกิจชุมชน ได้เล่าให้เราฟังว่า “เราเองก็ศึกษาด้านการแพทย์แผนไทย เคยเป็นผู้ประกอบการธุรกิจสปามาก่อน เราจึงรู้ความต้องการของลูกค้า และเมื่อหันมามองผลิตภัณฑ์จากชุมชน เราก็เห็นว่ามีความโดดเด่นเรื่องสมุนไพร และวิสาหกิจชุมชนของเรามีการแปรรูปสมุนไพรอบแห้ง จนปัจจุบันมีความเชี่ยวชาญ สามารถทำสินค้าได้หลายชนิด ซึ่งจุดเด่นของสินค้าเราคือ ลูกประคบที่มีคุณภาพ มีสมุนไพรหลายชนิดอัดแน่น หอมนาน มัดแน่น สะดวกในการใช้งาน ประคบเองได้ เข้าไมโครเวฟได้ นอกจากนี้ยังมี สมุนไพรแช่เท้า-อบตัว แผ่นประคบสมุนไพร ยาดมยาหอมสมุนไพร ซึ่งเป็นสมุนไพรจากเครือข่ายทั้งในและนอกชุมชนทั้งหมด ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ มากกว่าร้อยคน โดยทางวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรอีฟเฮิร์บ ตั้งใจเลือกวัตถุดิบที่ดีของแต่ละชุมชน นำมาพัฒนาเป็นสูตรเฉพาะของตัวเอง ถึงแม้สมุนไพรบางอย่างจะต้นทุนสูง แต่เราก็ซื้อและผสมในสัดส่วนที่สูงเพื่อคุณภาพที่ดีของสินค้าเรา”

อาจารย์อีฟ เล่าให้เราฟังต่อว่า... “การโคจรมาพบกับ NIA ก็มาจากการที่เรากำลังมองหาสิ่งที่จะมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของเรา เรารู้ว่าการอบสมุนไพรให้แห้งสนิทเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของเรามีคุณภาพ ไม่ขึ้นรา แต่ปกติการตากสมุนไพรของชุมชนนั้นมักตากโดยวิธีธรรมชาติ พึ่งพาแสงอาทิตย์เป็นหลัก แต่บางครั้งแดดไม่มีบ้าง โดยเฉพาะหน้าฝนที่อากาศชื้น บางทีสมุนไพรที่ชาวบ้านเอามาส่งเราก็ยังแห้งไม่พอ ดังนั้นเมื่อเราเห็นประกาศรับสมัครผู้สนใจในการนำนวัตกรรมพร้อมขยายผลไปแก้ปัญหาในพื้นที่ จากหน่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคม ประจำพื้นที่ภาคเหนือตอนบน 1 โดย วิทยาลัยพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีชุมชนแห่งเอเชีย (adiCET) มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ซึ่งมีนวัตกรรม “ระบบลดความชื้นแบบไฮบริดสำหรับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร” ของอาจารย์พิเชษฐ์ ทานิล จากคณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนอร์ท-เชียงใหม่ ที่พร้อมนำมาขยายผล เราก็ยื่นสมัครไปด้วยความต้องการใช้งานจริงของทางกลุ่ม”

“จุดเด่นของเครื่องลดความชื้นแบบไฮบริดสําหรับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่เราได้มานั้น คือ ระบบอบแห้งชนิดปั๊มความร้อน ใช้เพื่อการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรให้ได้มาตรฐานตรงตามความต้องการของตลาด และสามารถควบคุมคุณภาพได้ โดยมีช่วงอุณหภูมิอบแห้งอยู่ที่ 45-60 องศาเซลเซียส ซึ่งช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ในขั้นตอนการอบแห้ง ช่วยสร้างรายได้จากการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์จากการอบแห้งได้มากขึ้น เนื่องจากเป็นการอบแห้งในระบบปิด ทําให้ผลิตภัณฑ์มีความสะอาด ซึ่งจะเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อจะยื่นขอรับรองมาตรฐานการผลิตอาหาร โดยใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่เป็นไปตาม มาตรฐาน อย. นอกจากนี้ ข้อดีของตู้คือ การใช้กําลังไฟฟ้า 1,000 วัตต์ น้อยกว่าเครื่องอบแห้งแบบขดลวดทั่วไป 3-4 เท่า แต่ยังให้คุณภาพด้านสีกลิ่น และโครงสร้างของผลิตภัณฑ์หลังการอบอยู่ในเกณฑ์ดี การกระจายลมร้อนภายในห้องอบแห้งมีความสม่ำเสมอ ระบบไม่ซับซ้อน ง่ายต่อการใช้งาน และการบํารุงรักษา”




