สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
Search
color contrast
Normal
Black & White
Black & Yellow
font size

เปิดผลดัชนีนวัตกรรมโลกปี 2025 สะท้อน “ความท้าทาย” ใหม่ที่ไทยต้องปรับ เพื่อให้ทันต่อกระแสการแข่งขันโลก

21 กันยายน 2568 168

เปิดผลดัชนีนวัตกรรมโลกปี 2025 สะท้อน “ความท้าทาย” ใหม่ที่ไทยต้องปรับ เพื่อให้ทันต่อกระแสการแข่งขันโลก

#GIISeries 🗓 ทุกเดือนกันยายน คือช่วงเวลาที่ทั่วโลกเฝ้ารอฟังผลการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลก (Global Innovation Index: GII) ที่สะท้อนให้เห็นความก้าวหน้าของความสามารถทางด้านนวัตกรรมของแต่ละประเทศในการส่งเสริมระบบนิเวศนวัตกรรม

🔀 รายงานดัชนี GII ในปี 2025 จัดทำภายใต้ธีม “Innovation at a Crossroads: Charting the Future นวัตกรรมบนจุดเปลี่ยน – การกำหนดทิศทางสู่อนาคต” ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงความท้าทายในการพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรมช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่สภาวะเศรษฐกิจมีความซบเซา ภาพรวมที่ผ่านมาจะเห็นว่าบริษัทรายใหญ่ข้ามชาติ เริ่มมีอัตราการเติบโตที่ช้าลง การชะตัวของการลงทุนจากนักลงทุน ดีลที่เกิดขึ้นน้อย เกิดภาวะเงินทุนถอนตัวจากตลาดเกิดใหม่ กลับไปกระจุกตัวในสหรัฐอเมริกาและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Al ขณะที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างกระโดด และภูมิทัศน์ด้านกฎระเบียบมีการเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่าง ทำให้การลงทุนเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะการวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่ทั่วโลกเติบโตเพียง 2.3% จาก 2.9% ในปี 2024 ซึ่งโตช้าในรอบ 10 ปี 
 

🏆 ผลของการจัดอันดับดัชนี GII ในปี 2025 จะเห็นว่าหลายประเทศผู้นำยังคงรักษาตำแหน่งไว้ได้ และขณะเดียวกันก็มีผู้เล่นใหม่ๆ ที่มีความโดดเด่น ประเทศที่ครองแชมป์อันดับหนึ่งยังคงเป็น “สวิตเซอร์แลนด์” ที่รักษาตำแหน่งติดต่อกันกว่า 15 ปี โดยมีคะแนนปัจจัยด้านผลผลิตจากความคิดสร้างสรรค์ (Creative outputs) เป็นอันดับหนึ่งของโลก นอกจากนั้นในปัจจัยอื่นๆ ก็สามารถติดอยู่ Top 5 ยกเว้นในปัจจัยทุนมนุษย์และงานวิจัย (Human capital and research) ที่ถูกจัดให้อยู่อันดับที่ 6 


🗺 นอกจากนั้น WIPO ยังได้ประกาศผล 100 คลัสเตอร์นวัตกรรมชั้นนำของโลก (World’s Top 100 Innovation Clusters) ที่เป็นการจัดอันดับพื้นที่ๆ ถือเป็นแหล่งรวมกิจกรรมด้านนวัตกรรม มีการรวมตัวระหว่างนักประดิษฐ์ นักวิจัย นักลงทุน สถาบันวิจัย มหาวิทยาลัย และอุตสาหกรรม โดยมีตัวชี้วัด ได้แก่ การยื่นขอสิทธิบัตรระหว่างประเทศ (Patent Cooperation Treaty - PCT) วัดจำนวนนักประดิษฐ์ที่อยู่ในพื้นที่นั้นๆ บทความทางวิทยาศาสตร์ที่ตีพิมพ์ (Scientific Publications) และจำนวนนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยที่อยู่ในพื้นที่นั้นๆ

💵 โดยในปี 2025 ได้มีการเพิ่มตัวชี้วัด “ธุรกรรมเงินทุนร่วมลงทุน (Venture Capital Deals)” เพื่อสะท้อนถึงความสามารถในการดึงดูดเงินทุน และนำนวัตกรรมไปสู่การขยายผลเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยได้จริง สิทธิบัตรเพื่อแปลงเป็นธุรกิจ ได้รับเงินลงทุน ทำให้ภาพของ “นวัตกรรมเชิงพาณิชย์” มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น 

📊 สำหรับผลการจัดอันดับดัชนี GII ของประเทศไทย ในปี 2025 ปรากฏว่าไทยอยู่ในอันดับที่ 45 ของโลก จาก 139 ประเทศ แม้อันดับจะขยับลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า อันเป็นผลจากหลายปัจจัยทั้งภายในและต่างประเทศ แต่หากพิจารณาในภาพรวมจะเห็นว่าคะแนนของไทยลดลงเพียง 0.2 คะแนนเท่านั้น ซึ่งยังคงสะท้อนให้เห็นเสถียรภาพในการพัฒนานวัตกรรมของประเทศ
 

🇹🇭 อีกทั้งยังเป็นกลุ่มประเทศที่ WIPO มองว่าเป็น "Innovation Overperformers" ซึ่งไทยได้รับการยอมรับเป็นครั้งที่ 11 สะท้อนถึงความสำเร็จที่เกินกว่ามาตรฐานเศรษฐกิจ ทั้งยังระบุว่ากรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในกลุ่ม Innovation Clusters ของประเทศรายได้ปานกลาง ที่แม้จะยังไม่ติด Top 100 แต่ก็มีศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการเงินเพื่อนวัตกรรมในระดับที่น่าจับตามอง

👩‍🔬 จากข้อมูลเปรียบเทียบย้อนหลัง 5 ปี จะเห็นว่าไทยยังมีจุดแข็งด้านนวัตกรรมหลายอย่าง เช่น ปัจจัยด้านทุนมนุษย์และการวิจัย (Human Capital and Research) จากตัวชี้วัดการวิจัยและพัฒนา ที่อันดับของประเทศไทยเพิ่มขึ้นจาก 47 มาเป็นอันดับที่ 36 ของโลก ทั้งยังรักษาความโดดเด่นด้านสัดส่วนค่าใช้จ่ายมวลรวมภายในประเทศสำหรับการวิจัยและพัฒนา ซึ่งลงทุนโดยองค์กรธุรกิจต่างๆ (GERD Financed by Business, %) จำนวนของสิทธิบัตร อนุสิทธิบัตรที่ยื่นขอหรือจดทะเบียน (Utility Models by Origin/bn PPP$ GDP) และสัดส่วนการส่งออกสินค้าสร้างสรรค์ (Creative Goods Exports, % Total Trade) 
 

💵 ในขณะเดียวกันก็มีบางปัจจัยที่เป็นจุดเปราะบางจำเป็นต้องเร่งพัฒนา เช่น การลงทุนภายใต้ปัจจัยระบบตลาด (Market sophistication) ที่อันดับลดลงจาก 27 มาอยู่ที่ 50 และยังมีในส่วนของผลกระทบที่เกิดจากองค์ความรู้ ภายใต้ปัจจัยผลผลิตจากองค์ความรู้และเทคโนโลยี (Knowledge and Technology Outputs) ที่ลดลงจากอันดับที่ 44 มาอยู่ที่อันดับ 56 

🏢 ที่ผ่านมา NIA ให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการภายใต้กลไก Groom – Grant – Growth – Global โดยตั้งเป้าส่งเสริม 5 กลุ่มอุตสาหกรรมเรือธงผ่าน Accelerator Program ได้แก่ 
 

• AGROWTH - สำหรับธุรกิจการเกษตร 
• Thai Kitchen และ SPACE-F - สำหรับธุรกิจอาหาร 
• SpearH - สำหรับธุรกิจการแพทย์และสุขภาพ 
• ClimateX - สำหรับธุรกิจพลังงานและสิ่งแวดล้อม 
• S.Impact - การท่องเที่ยวซอฟต์พาวเวอร์และสังคม

พร้อมทั้งต่อยอดสู่การสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืน ด้วยการผลักดัน Thailand Innovation Hub ให้เป็นเครือข่ายศูนย์กลางนวัตกรรม เปิดพื้นที่สำหรับการทดสอบและพัฒนาการใช้งานจริง มีเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญร่วมให้คำปรึกษาและสนับสนุนผู้ประกอบการไทยอย่างรอบด้าน เพื่อเสริมศักยภาพในการเติบโต ขยายตลาด และเข้าถึงแหล่งเงินทุนทั้งในและต่างประเทศ


🤝 ผลการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลกของประเทศไทยในปี 2025 บ่งชี้ว่า ความสามารถในการปรับตัวและสร้างนวัตกรรมข้ามภาคส่วนและพรมแดนจะยังคงเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ เป็นสัญญาณเตือนว่า ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันอย่างเร่งด่วน เพื่อสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมสำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย NIA พร้อมทำหน้าที่เป็นผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม ที่จะเชื่อมโยงความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อผลักดันประเทศไปสู่เป้าหมายการเป็น “ชาตินวัตกรรม” ในอนาคต

อ้างอิงข้อมูลจาก :
https://www.wipo.int/edocs/gii-ranking/2025/th.pdf
https://www.wipo.int/web-publications/global-innovation-index-2025/assets/80937/global-innovation-index-2025-en.pdf
https://www.facebook.com/NIAThailand/videos/2575851062813677