สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
Search
color contrast
Normal
Black & White
Black & Yellow
font size

3 แนวทางสู่ “กรีนซีเมนต์” เมื่อทุกอุตสาหกรรมต้องแข่งกัน Low Carbon

22 กันยายน 2568 92

3 แนวทางสู่ “กรีนซีเมนต์” เมื่อทุกอุตสาหกรรมต้องแข่งกัน Low Carbon


🏗️ การก่อสร้างคือรากฐานของความเจริญ ไม่ว่าจะเป็นถนน อาคารสูง สะพาน หรือโครงสร้างพื้นฐานที่ทำให้เมืองเติบโต ทุกสิ่งล้วนตั้งอยู่บนวัตถุดิบสำคัญอย่าง “ซีเมนต์”

🌍 แต่รู้หรือไม่ว่า “ซีเมนต์” คือตัวการสำคัญของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งคิดเป็นประมาณ 7 – 8% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก โดยการผลิตซีเมนต์เพียง 1 ตัน อาจปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สูงถึง 900 กิโลกรัม ทำให้หลายประเทศต้องออกมาตรการที่เข้มงวดอย่าง “การเก็บภาษีคาร์บอน” ทำให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องต้องเร่งมองหาวิธีการผลิตที่ “เป็นมิตรต่อโลก มากขึ้น”

👉 วันนี้ NIA จะพาไปสำรวจว่าปัจจุบันมีแนวทางและเทคโนโลยีอะไรบ้างที่ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิต

🔥 เริ่มจากต้องย้อนกลับมาดูว่า “ตัวการหลัก” ของการปล่อยคาร์บอนจากซีเมนต์คืออะไร? คำตอบคือ “ปูนเม็ด (Clinker)” วัตถุดิบที่แม้จะเป็นหัวใจของซีเมนต์ แต่ก็สร้างคาร์บอนจำนวนมหาศาลจากการเผาที่อุณหภูมิสูงถึง 1,450 องศา ปัจจุบันจึงมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อผลิตวัสดุทดแทนอื่นๆ เพื่อลดการใช้ปูนเม็ด เช่น ดินแคลไซน์ (Calcined Clays) เถ้าชีวมวล (Biomass Ash) เป็นต้น

👉 นวัตกรรมที่น่าจับตามอง คือ LC3 (Limestone Calcined Clay Cement) ซึ่งใช้หินปูนผสมกับดินแคลไซน์ จนได้วัสดุที่สามารถลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าซีเมนต์ปกติถึง 40% เพราะใช้ปริมาณปูนเม็ดน้อยลง ทั้งยังใช้พลังงานในการเผาที่อุณหภูมิต่ำกว่าปกติอีกด้วย

🌞⚡ นอกจากการลดการพึ่งพาปูนเม็ดแล้ว อีกหนึ่งแนวทางสำคัญคือ การเปลี่ยนแหล่งพลังงาน ที่ใช้ในการผลิตซีเมนต์ เดิมทีการเผาปูนเม็ดต้องอาศัยพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นหลัก ซึ่งก่อให้เกิดการปล่อยคาร์บอนในปริมาณสูง แต่ปัจจุบันอุตสาหกรรมกำลังหันมาพัฒนาทางเลือกพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ ขยะ หรือชีวมวล รวมถึงการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีเตาเผาเพื่อให้เกิดการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ

🏭 ทั้งนี้ ไม่ว่าอย่างไรการผลิตซีเมนต์ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ทั้งหมด ดังนั้นอีกเทคโนโลยีที่จะมีบทบาทมากขึ้น คือ Carbon Capture and Storage (CCS) หรือการดักจับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งอาจเก็บไว้ใต้ชั้นหินที่ปลอดภัย หรือดักจับแล้วนำกลับมาใช้ประโยชน์ต่อ 

หนึ่งในหมุดหมายสำคัญของโลกเกิดขึ้นที่เมือง Brevik ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งได้สร้างโรงงานปูนซีเมนต์แห่งแรกของโลกที่ติดตั้งเทคโนโลยี CCS สามารถดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 400,000 ตันต่อปี โดยก๊าซที่ถูกดักจับจะถูกทำให้เป็นของเหลว ก่อนจะขนส่งไปกักเก็บถาวรใต้ทะเลเหนือ ความสำเร็จครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรม แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิด “evoZero” ปูนซีเมนต์คาร์บอนสุทธิเกือบเป็นศูนย์ตัวแรกของโลก

สำหรับประเทศไทย มีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยที่เริ่มสนใจเกี่ยวกับการผลิตซีเมนต์คาร์บอนต่ำ และมีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการผลิตเช่นกัน จึงต้องมีการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าถึงโอกาสในการบ่มเพาะความรู้ NIA จึงมีการพัฒนา “หลักสูตรเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และคอนกรีตด้วยนวัตกรรมและแนวทางคาร์บอนต่ำ” ที่จะช่วยบ่มเพาะให้ผู้ประกอบการพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค “กรีนซีเมนต์”  ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเรียนออนไลน์ได้ที่ https://moocs.nia.or.th/course/driving-innovation-in-the-cement-and-concrete-sector  

🤝 นอกจากนี้ NIA ยังได้ดำเนินโครงการ Innovation Acceleration Programme for Cement and Concrete Industry  โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) และร่วมกับพันธมิตรที่สำคัญ ได้แก่ สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) สมาคมคอนกรีตแห่งประเทศไทย (TCA) เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมซีเมนต์และคอนกรีต พร้อมเชื่อมโยงไปสู่โอกาสทางการตลาดในระดับสากล โดยเฉพาะกลุ่มโซลูชันที่มีประสิทธิภาพสูงในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อตอบโจทย์ความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศและของโลก และที่ผ่านมาได้จัดกิจกรรมที่จะช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงโอกาสหาคู่ค้าจาก Business Matching Day โดยจะมี 5 ทีมสตาร์ตอัปที่มีศักยภาพมานำเสนอผลงานนวัตกรรม ช่วยเชื่อมโยงให้เกิดการค้นหาโซลูชันที่ใช้สำหรับบริษัทที่จะเข้าร่วมการเจรจาจับคู่ธุรกิจ ซึ่งกิจกรรมนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของโครงการได้ที่ https://acceleratedecarbonize.nia.or.th/th/

เพราะซีเมนต์ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นต่อโลก แต่ในวันที่ปัญหาสิ่งแวดล้อมกลายเป็นประเด็นสำคัญ อุตสาหกรรมซีเมนต์จึงต้องปรับตัว ตั้งแต่การใช้วัสดุทดแทน พลังงานสะอาด ไปจนถึงเทคโนโลยีดักจับคาร์บอน เพื่อให้ความเจริญของเมืองสามารถเติบโตควบคู่ไปกับโลกที่สะอาดและยั่งยืนได้

อ้างอิงข้อมูลจาก
https://acceleratedecarbonize.nia.or.th/th/
https://www.longtunman.com/59321
https://www.weforum.org/stories/2024/09/cement-production-sustainable-concrete-co2-emissions/
https://media.settrade.com/settrade/Documents/2025/Aug/20250815-SCB-EIC-Cement-Industry-update.pdf
https://www.youtube.com/watch?v=G09eoNec2L4
https://moocs.nia.or.th/course/driving-innovation-in-the-cement-and-concrete-sector
https://nia.or.th/index.php/event/detail/17952